
ในยุคที่ประชาชนเริ่มหันมาใส่ใจเรื่องการเงินมากขึ้น ทั้งการออม การลงทุน การวางแผนเกษียณ รวมถึงการประกันภัย ซึ่งเคยเป็นเรื่องเข้าใจยาก Finfluencer หรือ “Influencer ด้านการเงิน” จึงกลายเป็นผู้มีบทบาทสำคัญที่ช่วยเปลี่ยนเรื่องซับซ้อนเหล่านี้ให้กลายเป็นเรื่องเข้าใจง่าย น่าติดตาม และใกล้ตัวมากขึ้น ผ่านการสื่อสารด้วยภาษาที่เป็นกันเอง ไม่เป็นทางการเกินไป และเข้าถึงได้ผ่านแพลตฟอร์มยอดนิยมอย่าง Facebook, TikTok และ YouTube
อย่างไรก็ตาม ยิ่งมีผู้ติดตามมากขึ้น Finfluencer ก็ยิ่งมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของผู้คนมากขึ้นตามไปด้วย และพลังในการสื่อสารนี้ แม้จะมีประโยชน์มหาศาล แต่ก็ต้องมาคู่กับ “ความรับผิดชอบ” ที่เข้มข้นยิ่งกว่าเดิม
ล่าสุด 3 หน่วยงานทางการเงินของรัฐ คือ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ,ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ได้ให้การสนับสนุน ร่วมกันจัดทำโครงการ “Responsible Voices สำหรับ Finfluencer” ในการเสริมสร้างความรู้และความเข้าใจให้แก่ฟินฟลูเอนเซอร์ภาคการเงิน การลงทุน และประกันภัย เพื่อให้เผยแพร่ข้อมูลให้แก่ผู้ติดตามได้อย่างถูกต้อง เหมาะสม และตระหนักถึงความสำคัญของการให้ข้อมูลอย่างมีความรับผิดชอบ
โดยมองประโยชน์ของ Finfluencer มีดังนี้
1. ช่วยทำให้เรื่องการเงินให้เป็นเรื่องใกล้ตัวของทุกคน
Finfluencer ช่วยเปลี่ยนเรื่องการเงินที่เคยถูกมองว่าเข้าใจยาก ให้กลายเป็นเรื่องที่ทุกคนเข้าถึงได้ ทั้งวัยรุ่นและวัยทำงาน โดยเฉพาะกลุ่มที่ไม่มีพื้นฐานมาก่อน
- อธิบายแนวคิดซับซ้อน เช่น ดอกเบี้ยทบต้น การจัดพอร์ต ความเสี่ยง ด้วยภาษาง่ายๆ
- ใช้ตัวอย่างชีวิตจริงหรือเรื่องเล่าสนุกๆ ช่วยให้คนรุ่นใหม่กล้าเริ่มต้น
- เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายหลากหลายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์
2. สร้างแรงบันดาลใจให้เรียนรู้ต่อยอด เนื้อหาของ Finfluencer ช่วยจุดประกายให้คนเริ่มสนใจ และต่อยอดสู่การเรียนรู้เชิงลึก
- หลายคนเริ่มต้นจากคลิปสั้นๆ แล้วพัฒนาไปอ่านหนังสือ ลงคอร์สเรียน หรือวางแผนการเงินจริงจัง
- เกิดพฤติกรรมที่ดี เช่น การออมประจำ การลงทุนอย่างมีแผน การวางแผนเกษียณเร็วขึ้น
3. เปิดโลกความรู้เฉพาะทางที่มักถูกมองข้าม Finfluencer ช่วยนำเสนอเรื่องที่คนทั่วไปมักเข้าใจผิดหรือมองข้าม เช่น ประกันภัย
- อธิบายให้เห็นความแตกต่างระหว่างประกันชีวิต สุขภาพ อุบัติเหตุ
- เปรียบเทียบผลิตภัณฑ์ประกันภัยด้วยภาษาง่าย ช่วยลดการซื้อเพราะถูกชักจูง
- สร้างมุมมองใหม่ว่า ประกันภัยคือการบริหารความเสี่ยง ไม่ใช่ภาระทางการเงิน
“เหรียญมักมีสองด้านเสมอ”
ในเรื่องของผลประโยชน์ มักจะมีเรื่องความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นควบคู่เช่นเดียวกัน
เมื่อความน่าเชื่อถือกลายเป็นความเสี่ยง แม้ Finfluencer จะช่วยเปิดโลกการเงินให้คนจำนวนมาก แต่ก็มีกรณีตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่า หากขาดความรับผิดชอบ หรือ ให้ข้อมูลที่บิดเบือน อาจนำไปสู่ความเสียหายที่รุนแรงได้ อาทิ
- Kim Kardashian กับ EthereumMax เธอโปรโมทเหรียญคริปโทฯ ผ่าน Instagram โดยไม่เปิดเผยว่าได้รับค่าจ้าง ส่งผลให้นักลงทุนจำนวนมากขาดทุนอย่างหนัก สุดท้ายเธอถูก SEC สหรัฐปรับกว่า 1.26 ล้านดอลลาร์
- คดีเมจิกสกินในอดีตของไทยมีดาราและ Finfluencer รีวิวอาหารเสริมโดยไม่ตรวจสอบคุณภาพจริง ส่งผลให้ผู้บริโภคได้รับผลกระทบต่อสุขภาพ และนำไปสู่การดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้เกี่ยวข้อง
- Elon Musk กับ Dogecoin เพียงแค่ทวีตไม่กี่คำ ราคาคริปโทฯ ก็พุ่งสูงแล้วตกลงทันที นักลงทุนรายย่อยที่ตามกระแสจำนวนมากขาดทุนหนัก จนเกิดข้อกล่าวหาปั่นราคาคริปโทฯ

- ข้อควรระวังเมื่อเสพเนื้อหาทางการเงินจาก Finfluencer
- ตรวจสอบว่า Finfluencer มีใบอนุญาตถูกต้องหรือไม่ ก่อนเชื่อคำแนะนำให้ซื้อหุ้น กองทุน หรือประกัน ควรตรวจสอบว่าเขาได้รับใบอนุญาตจาก ก.ล.ต. หรือ คปภ. จริงหรือไม่ เพราะหากไม่มีใบอนุญาตอาจเข้าข่ายผิดกฎหมาย และผู้บริโภคไม่มีที่พึ่งเมื่อเกิดปัญหา
- อย่าหลงเชื่อโฆษณาที่อวดผลตอบแทนเกินจริง หรือเทคนิคที่ไม่มีหลักฐานทางวิชาการ เช่น โฆษณาว่า “ลงทุนกำไร 100% ทุกเดือน”, “เทรดคริปโทฯไม่มีวันขาดทุน”, หรือ “สูตรลับสร้างเงินล้านใน 7 วัน” ซึ่งล้วนเป็นคำกล่าวอ้างเว่อร์เกินจริง ที่ scammer มักใช้เพื่อจูงใจคนให้หลงเชื่อและโอนเงินโดยไม่ไตร่ตรอง
- ระวังการรีวิวที่ไม่เปิดเผยผลประโยชน์หรือเจตนาที่แท้จริง บางคนอาจแฝงตัวเป็น Finfluencer แต่จริงๆ แล้วเป็น scammer ที่รีวิวเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองโดยไม่เปิดเผยว่ารับสปอนเซอร์หรือมีส่วนได้เสีย หากไม่มีความโปร่งใส อาจทำให้ผู้ติดตามเข้าใจผิดและเสียประโยชน์
- ระวังข่าวปลอมหรือข้อมูลที่ไม่ได้ตรวจสอบ อาทิ มีข่าวลือว่า ธนาคารจะล้ม , หุ้นตัวนี้กำลังจะขึ้น 300% หรือ รีบซื้อก่อนรัฐประกาศนโยบายใหม่ ที่มักมากับบัญชีปลอม หรือ scammer ที่ตั้งใจสร้างกระแสให้คนหลงเชื่อแล้วแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัว
- ระวังบัญชีปลอมที่แฝงตัวมาในคราบ Finfluencer มีกรณีที่ scammer ปลอมบัญชีให้ดูคล้าย Influencer ตัวจริง แล้วทักแชทหรือส่งลิงก์ปลอมมาให้กรอกข้อมูลหรือโอนเงิน อย่าหลงเชื่อแม้แต่โลโก้หรือชื่อเพจที่คล้าย เพราะ scammer ในยุคนี้ปลอมตัวได้แนบเนียนมาก
ทั้งนี้ Finfluencer คือผู้มีอิทธิพลในการสร้างความรู้ทางการเงินและประกันภัยให้กับสังคม หากดำเนินบทบาทด้วยความรับผิดชอบ โปร่งใส และอิงหลักการที่ถูกต้อง ก็จะเป็นพลังบวกที่ช่วยให้ประชาชนรู้เท่าทัน ตัดสินใจได้อย่างมีคุณภาพ และลดความเสี่ยงทางการเงินในชีวิตได้จริง
ในทางกลับกัน หากขาดจรรยาบรรณ ใช้ความน่าเชื่อถือโดยประมาท หรือจงใจให้ข้อมูลผิดพลาด (โดยเฉพาะหากเป็น scammer) ก็อาจส่งผลเสียทั้งต่อผู้ติดตามและตัว Finfluencer เองในระยะยาว
ทางที่ดีที่สุด คือ ฟังได้ คิดตามได้ แต่อย่าตัดสินใจทางการเงินเพียงเพราะ “ชอบคนพูด” เพราะสุดท้ายคนที่รับผลลัพธ์คือ “ตัวเราเอง” เพราะบทเรียนมีให้เห็นมาแล้วอย่างมากมายว่าไม่มี Finfluencer รายใดจะออกมารับผิดชอบความเสี่ยงเป็นตัวเงินที่เสียหายไปจากการหลงเชื่อคำแนะนำคืนให้กับ “ลูกเพจ” หรือ “แฟนเพจ” ของตนเองเลย
หนำซ้ำ ยังเก็บค่าสมาชิก รายเดือน รายปี หรือ ค่าคอร์สอบรมไปก่อนหน้านี้ กลายเป็นได้ผลประโยชน์ทั้งขึ้นทั้งร่อง อย่างง่ายดาย โดยความเสี่ยงทั้งหมดตกไปอยู่กับ “ผู้ที่หลงเชื่อ” แบบซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างที่เห็นอยู่ทุกวันนี้
ธิติ ภัทรยลรดี
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 พ.ค. 68)