
ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ปรับตัวลงกว่า 100 จุดในช่วงเช้าวันนี้ (23 มิ.ย.) หลังจากสหรัฐฯ ตัดสินใจเข้าไปมีส่วนร่วมในสงครามระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน ด้วยการโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ 3 แห่งของอิหร่าน โดยการตัดสินใจดังกล่าวของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ส่งผลให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้น และทำให้สถานการณ์ในตะวันออกกลางมีความเสี่ยงที่จะขยายตัวเป็นวงกว้าง
ณ เวลา 06.01 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ปรับตัวลง 112 จุด หรือ -0.26% แตะที่ระดับ 42,403 จุด
ส่วนราคาน้ำมัน WTI ส่งมอบเดือนก.ค. พุ่งขึ้น 1.60 ดอลลาร์ หรือ +2.17% แตะที่ระดับ 75.44 ดอลลาร์/บาร์เรล
สหรัฐฯ เปิดฉากโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ 3 แห่งของอิหร่านในเมืองฟอร์โด นาทานซ์ และอิสฟาฮาน เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (21 มิ.ย.) ซึ่งสร้างความประหลาดใจแก่นักลงทุนที่คาดว่าจะมีการเจรจาทางการทูตมากขึ้นหลังจากที่ปธน.ทรัมป์กล่าวก่อนหน้านั้นเพียงหนึ่งวันว่า เขาจะตัดสินใจภายในสองสัปดาห์ข้างหน้าว่าจะโจมตีอิหร่านหรือไม่
ขณะนี้นักลงทุนกำลังจับตาว่าอิหร่านจะตอบโต้อย่างไร โดยมีกระแสคาดการณ์เป็นวงกว้างว่าอิหร่านอาจจะพุ่งเป้าโจมตีบุคลากรทางทหารของสหรัฐฯ หรืออาจปิดช่องแคบฮอร์มุซ ซึ่งจะขัดขวางการขนส่งน้ำมันทั่วโลก ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าการปิดช่องแคบฮอร์มุซเป็นเวลานานอาจทำให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นเหนือระดับ 100 ดอลลาร์/บาร์เรล
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 มิ.ย. 68)