
นายพอลล์ กาญจนพาสน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ จำกัด ผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์ของทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ IMPACT GROWTH REIT เปิดเผยว่า การมาของรถไฟฟ้า ซึ่งไม่ได้เปลี่ยนแค่การเดินทาง แต่ถือเป็นการเปิดโอกาสใหม่ให้กับเมืองทองธานี ทั้งในมิติของเศรษฐกิจ งานอีเวนต์ และการใช้ชีวิตของผู้คน เพราะจากเดิมที่ต้องพึ่งพารถยนต์ส่วนตัว
การมีรถไฟฟ้าเชื่อมตรงถึงพื้นที่จัดงาน ถือเป็นการปลดล็อกสำคัญ โดยเฉพาะหลังจากรถไฟฟ้าสายสีชมพูส่วนต่อขยายเปิดให้บริการเชื่อมต่อถึงสถานีอิมแพ็ค เมืองทองธานี (MT01) และสถานีทะเลสาบเมืองทองธานี (MT02) ซึ่งช่วยรองรับงานขนาดใหญ่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ภาพชัดเจนจากเวที THAIFEX – ANUGA ASIA 2025 ซึ่งถือเป็นงานแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่มระดับโลกที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ใช้พื้นที่จัดงานกว่า 100,000 ตร.ม. มีบูธร่วมงานกว่า 3,000 บูธ และมีผู้เข้าร่วมงานที่เลือกใช้รถไฟฟ้าสายสีชมพูเฉลี่ยสูงถึง 15,000 คน/วัน โดยกรมการขนส่งทางรางรายงานว่าในวันสุดท้ายของงาน (31 พฤษภาคม 2568) มียอดผู้โดยสารสูงถึง 23,159 คน/วัน ซึ่งเป็นสถิติใหม่ สะท้อนให้เห็นว่ารถไฟฟ้ากำลังก้าวขึ้นมาเป็นระบบขนส่งหลัก ที่ช่วยลดปัญหาจราจร และสร้างความสะดวกสบายให้กับผู้เดินทางมายังพื้นที่จัดงาน
นอกจากนี้ อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ 1 ซึ่งเคยเป็นโซนใช้งานน้อยกว่าอาคารอื่น วันนี้กลับมาคึกคัก มีอัตราการใช้งาน (occupancy) เพิ่มขึ้นอย่างน่าพอใจ ด้วยการเชื่อมต่อกับ Sky Entrance สะพานทางเชื่อมระหว่างสถานีรถไฟฟ้าสายสีชมพูส่วนต่อขยาย เมืองทองธานี บริเวณสถานี MT-01 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของทรัพย์สินหลักที่กองทรัสต์เข้าลงทุน เพื่อพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกของทรัพย์สินหลักของกองทรัสต์ฯ ให้ครบครัน พร้อมเดินหน้ายกระดับสู่ Smart City ทั้งในด้านการบริหารจัดการจราจรและความปลอดภัย เพื่อยกระดับประสบการณ์การจัดงาน เพิ่มมูลค่าทรัพย์สินในระยะยาว และสร้างความได้เปรียบเชิงการแข่งขัน
แม้ปีนี้ยังมีปัจจัยเศรษฐกิจโลกไม่แน่นอน และภาคการท่องเที่ยวไม่ฟื้นตัวเต็มที่ แต่ IMPACT Growth REIT สามารถเติบโตด้วยตลาดคอนเสิร์ตที่ขยายตัวต่อเนื่อง และการปรับกลยุทธ์มุ่งสู่ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมที่เชื่อมโยงกับกลุ่มผู้ประกอบการ ผ่านโครงการ IMPACT Next ซึ่งปั้นกลุ่มผู้ประกอบการจากออนไลน์สู่งาน On-Site รวมถึง การจับมือกับพันธมิตร Live Nation ผู้จัดคอนเสิร์ตระดับโลก ซึ่งช่วยเปิดโอกาสใหม่ให้กับตลาดคอนเสิร์ตไทยอย่างน่าจับตามอง ส่งผลดีต่อกองทรัสต์ฯ ทั้งในด้านการจัดงาน รายได้ และการสร้างผลตอบแทนอย่างต่อเนื่องในอนาคต
นายพอลล์ กล่าวต่อถึง แผนลงทุนใหม่ๆ ธุรกิจโรงแรมถือเป็นอีกปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตในระยะยาว ปัจจุบัน อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่นฯ มีโรงแรม 2 แห่ง ได้แก่ Novotel Bangkok IMPACT และ Ibis Bangkok IMPACT รวมประมาณ 1,000 ห้อง โดยอยู่ระหว่างพิจารณาขายสินทรัพย์ทั้ง 2 โรงแรมเข้าสู่กองทรัสต์ฯ ซึ่งคาดว่าจะเห็นความคืบหน้าภายในสิ้นปีนี้ เนื่องจากเป็นสินทรัพย์ที่มีศักยภาพและมีกระแสเงินสดดี ทั้งนี้ มีแผนต่อยอดนำเงินลงทุนพัฒนาโรงแรมใหม่ 2 แห่ง จำนวนประมาณ 1,000 ห้อง ระดับ 4-5 ดาว เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าพรีเมียม และผู้จัดงานที่เดินทางมาใช้บริการที่ IMPACT โดยโรงแรมจะเป็นหัวใจหลักช่วยเพิ่ม Occupancy Rate ของศูนย์ประชุม และเป็นจิ๊กซอว์สำคัญในการพัฒนา IMPACT สู่ MICE Destination ที่สมบูรณ์แบบที่สุดของไทย
ด้าน นางสาววันเพ็ญ มุ่งเพียรสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท อาร์ เอ็ม ไอ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ IMPACT GROWTH REIT เปิดเผยว่า ในปี 2025/2026 กองทรัสต์ฯ ตั้งเป้าอัตราการใช้พื้นที่ (Occupancy Rate) เพิ่มเป็น 39-42% โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลักจาก Ecosystem ที่แข็งแกร่ง และการเปิดให้บริการของรถไฟฟ้าสายสีชมพูส่วนต่อขยาย ขณะที่ อัตราการใช้พื้นที่ปีล่าสุดเพิ่มขึ้นแตะ 37.8% สูงสุดนับตั้งแต่หลังโควิด-19 ตอกย้ำศักยภาพฟื้นตัวของอุตสาหกรรมไมซ์ และความพร้อมของ IMPACT ในการรองรับงานระดับนานาชาติ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (25 มิ.ย. 68)